“เสี่ยเบนซ์” บวชหน้าไฟ งานพระราชทานเพลิงศพ “รองตี๋-ภรรยา” ลูกยังทำใจไม่ได้

เสี่ยเบนซ์” บวชหน้าไฟ งานพระราชทานเพลิงศพ “รองตี๋-ภรรยา” ลูกยังทำใจไม่ได้

เสี่ยเบนซ์บวชหน้าไฟ – จากกรณีเสี่ยขับเบนซ์ หรือ นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 57 ปี เมาแล้วขับเฉี่ยวชนกับรถเก๋งของพ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รอง ผกก.(สอบสวน) กก.2 บก.ป. เสียชีวิต รวมถึงนางนุชนาฏ งามสุวิชชากุล ภรรยา ส่วนลูกสาว เด็กหญิงพิญาภา งามสุวิชชากุล  บุตรสาวได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.ศาลาแดง ได้แจ้งข้อหา ขับรถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น

คืบหน้าล่าสุด วันที่ 20 เม.ย. เวลา14.00 น. ณ เมรุ วัดตรีทศเทพวรวิหาร 

จะมีพิธีพระราชเพลิงศพ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รอง ผกก.(สอบสวน) กก.2 บก.ป. และนางนุชนาฏ งามสุวิชชากุล ภรรยา โดยนายสมชายได้เข้าพิธีบวชสามเณรหน้าไฟ พร้อมกับญาติผู้เสียชีวิต รวม 5 รูป ด้วย

น.ส.ภาวินี งามสุวิชากุล พี่สาว พ.ต.ท.จตุพร กล่าวว่าหลังเกิดเหตุนายสมชายก็ใส่ใจดูแลครอบครัวเป็นอย่างดี และสำนึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด ทางครอบครัวอโหสิกรรมให้ ก็ถือเป็นบุญกุศลให้กับพี่ชายและภรรยา ส่วนเรื่องคดีความก็ว่ากันไปตามกฎหมาย หลังจากนี้ไปทางครอบครัวจะมีการพูดคุยเรื่องการดูแลหลานๆ ทั้งสองคน ซึ่งอาการบาดเจ็บของ น้องแพร ลูกสาวคนเล็ก ที่รักษาตัวใน รพ.กรุงเทพ ก็มีอาการดีขึ้นตามลำดับ สัญญาณชีพปกติ เริ่มมีการตอบโต้พูดคุยได้เป็นบางครั้ง แพทย์ยังเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด ตอนนี้น้องแพรทราบเรื่องการเสียชีวิตของพ่อและแม่แล้ว น้องได้แต่ร้องไห้ และไม่ได้มาร่วมในงานศพ ด้าน น.ส.ศุภาพิชญ์ งามสุวิชชากุล หรือ น้องพลอย ลูกสาวคนโต กล่าวว่า สภาพจิตใจตนยังคงแย่ แต่ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ตอนนี้เป็นห่วงน้องสาวมากกว่า อยากให้ปลอดภัยและหายเร็วๆ

เปิดภาพเพลิงเผาวอด 9 ลำ เรือตกปลา จ.สตูล เสียหาย 12 ล้าน แทบหมดตัว เมื่อวันที่ 20 เม.ย. เกิดเหตุไฟไหม้เรือตกปลาที่ท่าเรือทัวร์เบ็ด ด้านหลังสำนักงานที่ทำการอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล จำนวน 8 ลำ มูลค่าความเสียหายกว่า 12 ล้านบาท เหตุเกิดตั้งแต่ช่วงเช้ามืดจนถึงช่วงเช้า ชาวบ้านต้องเร่งช่วยกันตัดเชือกเรือเพื่อป้องกันไม่ให้ไฟลุกลามไปยังเรือใกล้เคียง กว่า 30 ลำ เบื้องต้น พบว่า มีเรือเสียหายจำนวน 8 ลำ ถูกเผาวอดทั้งหมด 6 ลำ และเสียหายบางส่วนอีก 2 ลำ เคราะห์ดีไม่มีผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้

บิ๊กตู่ปลื้ม “ไทยทุกข์ยากน้อยที่สุดในโลก” ชนะสวิส ญีปุ่น สิงคโปร์ ไทยทุกข์ยากน้อยที่สุดในโลก – จากกรณีสำนักข่าวบลูมเบิร์กจัดอันดับประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความทุกข์ยากน้อยที่สุด จากการจัดอันดับดัชนีความทุกข์ยาก (Misery Index) ปี 2018 และคาดว่าครองแชมป์ปี 2019 ด้วย ขณะที่อันดับที่ 2 คือ สวิตเซอร์แลนด์ อันดับ 3 ญี่ปุ่นและสิงคโปร์อันดับที่ 4ไต้หวัน และอันดับ 5 มาเลเซีย

ดัชนีความทุกข์ยากคำนวณจากตัวเลขเงินเฟ้อและอัตราว่างงานใน 62 ประเทศ ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ไทยมีอัตราว่างงานที่ระดับต่ำเพียง 0.9 ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ระดับ 1.1 ในปี 2018

พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พอใจที่ประเทศไทยรั้งอันดับ 1 ประเทศที่ทุกข์ยากน้อยที่สุดในโลก

หนุ่มพกยาบ้า เข้าด่านจราจร ถูกเรียกตรวจ วิ่งกระเจิง ทิ้งแฟน ทิ้งรถ สุดท้ายไม่รอด

หนุ่มพกยาบ้า ผ่านด่านตรวจจราจร ถูกเรียกตรวจ พบยาบ้าซุกกระเป๋า กลัวถูกจับ ทิ้งแฟน ทิ้งรถ สุดท้ายจนมุมในคูน้ำ เผยเพื่อนให้นำยามาส่งแต่ถูกจับเพราะให้แฟนสาวนั่งซ้อนแล้วไม่ใส่หมวก เวลา 10.30 น.วันที่ 19 เมษายน 62 พ.ต.ต.สุทิวัส อุ่นเสียม สารวัตรจราจร สภ.เมืองกระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่ได้ตั้งด่านตรวจจับผู้กระทำความผิดกฏหมายจราจร บริเวณถนนอุตรกิจ ต.ปากน้ำ อ.เมืองกระบี่ แยกหน้าร้านตะโกลา ซึ่งปรากฏว่าได้มีวัยรุ่นชายสวมหมวกกันน๊อคขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า สีน้ำเงิน ทะเบียน กยจ 294 กระบี่ โดยมีหญิงสาวนั่งซ้อนท้าย แต่ไม่ได้สวมหมวกกันน็อค จึงได้เรียกตรวจ ทราบชื่อคนขับ นายอัษฏาวุธ นุ้ยสุชน อายุ 22 ปี บ้านอยู่ ม.1 ต.เหนือคลอง อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ได้ลงจากรถ เจ้าหน้าที่ขอตรวจค้นกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบทิชชู่ซึ่งห่อซองใส่ยาบ้าอยู่ 20 เม็ด แต่ปรากฏว่านายอัษฏาวุธ ได้วิ่งหนีทันที

โดยวิ่งเข้าภายในบริเวณสำนักงานทีโอที จากนั้นกระโดดข้ามกำแพงหลบหนีไปทางหน้าโรงแรมมาริไทม์ปาร์คแอนด์สปา รีสอร์ท เจ้าหน้าที่ได้วิ่งไล่ตามแต่ไม่พบตัว จึงได้วิทยุขอกำลังเสริมทั้งสายตรวจ และชุดสืบสวนพร้อมจราจร ออกค้นหาจนกระทั่งไปพบนายอัษฏาวุธ มุดตัวอยู่ในคูน้ำริมกำแพงของโรงแรม จึงได้ควบคุมตัวไว้ได้หลังเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นจึงนำนายอัษฏาวุธ พร้อมด้วยแฟนสาว ซึ่งเป็นนักศึกษาอยู่ที่สถาบันแห่งหนึ่งไปทำการสอบสวนที่สภ.เมืองกระบี่ โดยแฟนสาวอายุ 20 ปี บอกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ และตรวจค้นกระเป๋าแฟนสาวไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย

ด้านนายอัษฏาวุธ ให้การว่า ได้ไปเอายาบ้าจากริมเสาไฟฟ้าที่ ต.เหนือคลอง หลังจากมีเพื่อนคนหนึ่งในเมืองกระบี่ ขอช่วยให้ไปเอามาให้ในตัวเมืองกระบี่ เมื่อได้ยาก็ไปรับแฟนสาวแล้วขับเข้ามาในเมือง จนมาพบด่านตรวจจราจร เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจค้นเจอตนตกใจกลัวจึงวิ่งหนีดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวให้ชุดสืบสวน เพื่อขยายผลต่อไปแล้ว

credit : fadsdelaware.com mantasdemudanzas.com lectoradosdegalego.com cobayesdeloasis.com